5 เหตุผลที่ธุรกิจโลจิสติกส์ควรลงทุนในตู้รีเฟอร์

5 เหตุผลที่ธุรกิจโลจิสติกส์ควรลงทุนในตู้รีเฟอร์

ทำไมธุรกิจโลจิสติกส์จึงมักเลือกลงทุนกับตู้รีเฟอร์

ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางธุรกิจโลจิสติกส์ทวีความเข้มข้นมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการรักษาคุณภาพสินค้า และ การส่งมอบให้ตรงเวลาถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะในสินค้าประเภทอาหารสด อาหารแช่แข็ง วัตถุดิบการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ และ ผลิตภัณฑ์ที่มีความไวต่ออุณหภูมิ การขนส่งที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสมอาจสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับทั้งผู้ประกอบการ และลูกค้าได้ ดังนั้นหนึ่งในโซลูชันที่ได้รับความนิยม และ พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง คือ ตู้รีเฟอร์ (Reefer Container) หรือ ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนห้องเย็นเคลื่อนที่ ที่สามารถรักษาอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -35°C ถึง +35°C (หรือ บางรุ่นได้มากกว่านั้น) จึงเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่ต้องการสภาพแวดล้อมพิเศษ โดยบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึก 5 เหตุผลสำคัญที่ธุรกิจโลจิสติกส์ควรลงทุนในตู้รีเฟอร์ ว่าทำไมการลงทุนนี้ถึงคุ้มค่าในระยะยาว

5 ประโยชน์ของการเลือกใช้ตู้รีเฟอร์ในธุรกิจโลจิสติกส์

  1. รักษาคุณภาพสินค้าไวต่ออุณหภูมิ
    • สำหรับสินค้าอาหารสด และ เกษตร
      โดยสินค้าพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักผลไม้ เป็นสินค้าที่มีการเสื่อมคุณภาพได้ง่าย หากขนส่งในสภาวะไม่เหมาะสมจะทำให้เน่าเสีย สูญเสียรสชาติ และ ไม่สามารถจำหน่ายได้ การใช้ตู้รีเฟอร์จะช่วยให้คงความสดใหม่ตั้งแต่ออกจากต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ยา และ เวชภัณฑ์
      สำหรับยาหลาย ๆ ชนิดนั้นต้องเก็บในอุณหภูมิไว้ที่ 2–8°C หากอุณหภูมิผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาเสื่อมลง ตู้รีเฟอร์จะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียมูลค่าสินค้า และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้

      โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่อ่อนไหวอื่น ๆ เช่น เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ ฟิล์มถ่ายรูป ไวน์ หรือ เบเกอรี่ ก็จำเป็นต้องใช้ตู้รีเฟอร์ เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อม ตู้รีเฟอร์จึงตอบโจทย์ในหลากหลายอุตสาหกรรม

  2. ขยายโอกาสทางการตลาด
    • เข้าถึงตลาดใหม่ได้มากขึ้น
      ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตอาหารสด หรือ ผักผลไม้อาจต้องจำกัดการขายในพื้นที่ใกล้ ๆ เพราะกังวลเรื่องการขนส่ง แต่เมื่อมีตู้รีเฟอร์เข้ามาช่วยรักษาคุณภาพสินค้า ก็สามารถส่งไปได้ไกลขึ้น ได้ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ
    • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
      ลูกค้ามักเลือกผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่สามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้ การมีตู้รีเฟอร์ จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์โดดเด่นกว่าคู่แข่ง สามารถสร้างพันธมิตรระยะยาวกับผู้ส่งออก หรือ ผู้ผลิตรายใหญ่ได้
    • เพิ่มโอกาสทำสัญญาระยะยาว
      ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร หรือ อาหารต้องการพาร์ทเนอร์โลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้ หากธุรกิจโลจิสติกส์มีตู้รีเฟอร์ที่พร้อมใช้งาน ย่อมมีโอกาสได้รับสัญญาขนส่งต่อเนื่องได้มากขึ้น
  3. ลดการสูญเสีย และ เพิ่มกำไร
    • ความสูญเสียจากสินค้าชำรุด
      หากต้องขนส่งโดยไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ สินค้าบางส่วนอาจเสียหายได้ ทำให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย หรือ เผชิญการร้องเรียน ทำให้ตู้รีเฟอร์จะสามารถช่วยลดต้นทุนที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้
    • เพิ่มความพึงพอใจ และ ความภักดีของลูกค้า
      การส่งสินค้าที่ถึงมือลูกค้าโดยคงคุณภาพเดิมได้จะสร้างความเชื่อมั่น ของลูกค้าที่จะมีแนวโน้มในการใช้บริการซ้ำ และ บอกต่อ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
    • ผลตอบแทนการลงทุน (ROI)
      แม้ตู้รีเฟอร์จะมีราคาสูงกว่าตู้คอนเทนเนอร์ทั่วไป แต่หากมองในระยะยาว จะเห็นได้ว่าการสร้างผลกำไรจากการลดความสูญเสีย และ เพิ่มจำนวนลูกค้าจะทำให้คืนทุนได้ภายในไม่กี่ปี
  4. ตอบโจทย์มาตรฐาน และ กฎระเบียบสากล
    • ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร (Food Safety)
      ในหลาย ๆ ประเทศนั้นจะมีข้อบังคับเรื่องการควบคุมอุณหภูมิในการขนส่งสินค้า เช่น HACCP, GMP หรือกฎหมายของสหภาพยุโรป หากธุรกิจโลจิสติกส์ใดไม่มีตู้รีเฟอร์ก็อาจไม่สามารถให้บริการขนส่งไปยังตลาดเหล่านี้ได้
    • การขนส่งเวชภัณฑ์ (GDP: Good Distribution Practice)
      สำหรับองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดมาตรฐานการจัดเก็บ และ ขนส่งยาที่เข้มงวด การมีตู้รีเฟอร์จะช่วยให้ธุรกิจผ่านมาตรฐานเหล่านี้ และ ช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายได้
    • การสร้างความน่าเชื่อถือ
      สำหรับลูกค้าระดับองค์กรใหญ่ หรือ ผู้ส่งออกต่างประเทศนั้นมักตรวจสอบมาตรฐานการขนส่ง การมีตู้รีเฟอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจขนส่งได้
  5. เพิ่มความยืดหยุ่น และ ต่อยอดธุรกิจ
    • รองรับสินค้าได้หลากหลาย
      การใช้ตู้รีเฟอร์นั้นไม่จำกัดเฉพาะอาหาร หรือ ยาเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับสินค้าอุตสาหกรรมที่ไวต่อความร้อนได้เช่นกัน เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สี หรือ สารเคมีบางชนิด เป็นต้น
    • ใช้งานได้ทั้งทางบก และ ทางทะเล
      ตู้รีเฟอร์ได้ถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า และ เครื่องปั่นไฟ จึงใช้ได้กับทั้งในรถบรรทุก เรือ และ รถไฟ ซึ่งสามารถเพิ่มทางเลือกในการขนส่งได้
    • เปิดโอกาสทำธุรกิจใหม่
      บางธุรกิจบางประเภทนั้นได้นำตู้รีเฟอร์ไปดัดแปลงเป็น ห้องเย็นเคลื่อนที่ สำหรับงานอีเวนต์ ตลาดนัด หรือ บริการเช่าเก็บสินค้าแบบชั่วคราว ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง

การลงทุนใน ตู้รีเฟอร์ (Reefer Container) ไม่ใช่เพียงการเพิ่มอุปกรณ์การขนส่ง แต่ คือ การยกระดับคุณภาพบริการ ที่จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว ซึ่งในโลกที่ความต้องการสินค้าที่ปลอดภัย สดใหม่ และ มีคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตู้รีเฟอร์จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และ เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์สู่ความยั่งยืน ดังนั้นหากสนใจในการใช้ตู้รีเฟอร์ ที่มีคุณภาพเราขอแนะนำ  บริษัท กิตติ กรุ๊ป จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต และ จำหน่าย ตู้รีเฟอร์ หรือ ตู้คอนเทนเนอร์เย็น ตู้ห้องน้ำสำเร็จรูป, ป้อมยามสำเร็จรูป, ตู้คอนเทนเนอร์เหล็ก และ แบบสั่งทำพิเศษ ภายใต้มาตรฐาน ISO 9001:2015 และ GHP ซึ่งรับประกันคุณภาพในทุกกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ตู้คอนเทนเนอร์เย็น ของเราได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้ฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูง ซึ่งเหมาะกับตู้ควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ขนส่งโดยเฉพาะ เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้เหมาะสมกับการจัดเก็บสินค้า เช่น อาหารสด ผลิตภัณฑ์ยา หรือสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เหมาะสำหรับการขนส่ง และการจัดเก็บที่ต้องการความแม่นยำในเรื่องของอุณหภูมินั้นเอง

 


 

ติดต่อสอบถามข้อมูล

บริษัท กิตติ กรุ๊ป จำกัด

4/6 หมู่ 12 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

sale@kittigroup.com